การทำสัญญาเช่า เมื่อตัดสินใจจะเข้าพักอาศัยในที่ใดที่หนึ่งแล้ว ก็จะต้องมีการทำสัญญาเช่า ซึ่งจะระบุเงื่อนไขต่าง ๆ ในการชำระเงิน ระยะเวลาในการเช่า และกฎระเบียบต่าง ๆ ที่พึงปฏิบัติเมื่อเข้าอยู่อาศัย ใบสัญญาเช่านี้จะระบุข้อความที่สำคัญไว้ทุกอย่าง ซึ่งต้องทำความเข้าใจกับเนื้อหาให้ดีก่อนที่จะเซ็นต์ชื่อหรือประทับตราลงในสัญญา และต้องเก็บรักษาใบสัญญานี้ไว้ให้ดีจนกว่าจะถึงเวลาเลิกสัญญา ในการทำสัญญา ก็จะมีเงินที่จะต้องจ่ายได้แก่ - เงินค่าเช่า ( ยะจิง ) คือค่าเช่าห้องเป็นเวลา 1 เดือน โดยปกติแล้วเป็นการชำระล่วงหน้า เงินค่าเช่าของเดือนถัดไป จะต้องจ่ายภายในสิ้นเดือนนี้ - เงินกินเปล่า ( เรคิง ) เป็นเงินค่าธรรมเนียมประเภทหนึ่ง ที่ต้องจ่ายให้เจ้าของบ้านเวลาที่จะเช่าห้อง โดยปกติคิดเป็นเงิน 1 ถึง 2 เท่าของค่าเช่าห้อง เงินนี้จะไม่ได้รับคืน - เงินมัดจำ ( ชิกิคิง ) เป็นเงินที่เจ้าของบ้านจะเก็บไว้เพื่อเป็นเงินประกัน ในกรณีที่ผู้เช่าค้างจ่ายค่าเช่า หรือทำความเสียหายให้แก่ห้องเช่า โดยปกติคิดเป็นเงิน 1 ถึง 2 เท่าของค่าเช่าห้อง เวลาที่ย้ายออก ผู้เช่าจะได้รับเงินก้อนนี้คืน ( ถ้ามีเหลือ ) หลังจากที่หักค่าซ่อมแซมห้องแล้ว - ค่าบำรุงจิปาถะ ( เคียวเอคิคิง ) คือเงินค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาของส่วนรวม เช่น บริเวณบันได ทางเดิน ห้องน้ำที่ใช้รวม ฯลฯ เป็นรายเดือน - ค่านายหน้า ( จูไกเทซือเรียว ) ในกรณีที่ติดต่อเช่าบ้านโดยผ่านร้านนายหน้าจัดหาบ้านเช่า ก็จะต้องจ่ายเงิน ค่าธรรมเนียมนี้ให้แก่ร้านนายหน้า โดยปกติจะคิดเป็นเงินเท่ากับค่าเช่าห้อง 1 เดือน เวลาทำสัญญาเช่านั้น จำเป็นที่จะต้องมีผู้ค้ำประกันเป็นชาวญี่ปุ่น แม้ว่าผู้เช่าจะเป็นชาวญี่ปุ่นเองก็ต้องมีผู้ค้ำประกันเช่นเดียวกัน เวลาที่เกิดเหตุอะไรขึ้น ไม่ว่าผู้เช่าจะทำความเสียหายให้แก่บ้านเช่า หรือไม่มีเงินชำระค่าเช่า ฯลฯ ผู้ค้ำประกันจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดแทน หากจะมีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุง หรือแต่งเติมห้องพักใหม่ จะต้องแจ้งหรือขออนุญาตจากเจ้าของบ้านด้วย ไม่ควรทำโดยพลการ เพราะอาจจะก่อให้เกิดปัญหาตามมาภายหลังได้ ปกติแล้วในการย้ายออกจากที่พักที่เช่าอยู่ จะต้องแจ้งให้เจ้าของบ้านทราบล่วงหน้า 1 เดือน ถ้าย้ายออกโดยไม่แจ้งล่วงหน้า โดยเฉพาะในกรณีที่สัญญาเช่ายังไม่หมด คุณอาจจะต้องถูกเรียกเก็บค่าเช่าบ้านอีกหนึ่งเดือนก็เป็นได้